7 เรื่องที่เจ้าสาวต้องรู้ เมื่อจะไปฟิตติ้งชุดแต่งงาน

ผู้หญิงกับการแต่งงานเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อกันมาก ๆ เพราะการแต่งงานของหลาย ๆ คนคือความสุขและถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่กว่าที่เราจะได้แบบงานแต่งที่สวยงามสมบูรณ์แบบที่สุดนั้นจะต้องผ่านหลายขั้นตอนมากมาย วันนี้เราจะพาสาว ๆ ไปดูกันว่าเมื่อจะไปฟิตติ้ง ชุดแต่งงาน ต้องรู้อะไรบ้างและมีขั้นตอนอย่างไร เพื่อให้ได้ชุดที่สวยงามมากที่สุดนั่นเอง จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

1.ใช้เวลานานหรือไม่ ในการแก้ไขชุดแต่งงาน

สำหรับการปรับเปลี่ยนแก้ไข หรือไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขแบบเพื่อให้พอดีกับรูปร่างทุกอย่างล้วนต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าสาวจะต้องมาลอง ชุดแต่งงาน ครั้งแรกก่อนถึงวันงานแต่งจริง ๆ อย่างน้อยเป็นเวลาประมาณ 2-3 เดือน นั่นก็เพื่อที่ทางร้านจะได้มีเวลาในการแก้ไขชุด และปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ตามที่เจ้าสาวต้องการได้ทันเวลา เพราะหากมาในเวลาที่กระชั้นชิดจนเกินไปทางร้านคงไม่สามารถแก้ไขได้ทันอย่างแน่นอน

2.การฟิตติ้งใช้เวลานานหรือไม่

สำหรับการฟิตติ้งชุดนั้นจริง ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าสาวที่มาลองเองว่าจะใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้เวลาในการฟิตติ้งชุดครั้งแรกอย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนการฟิตติ้งชุดในครั้งต่อไป ก็อาจจะใช้เวลาน้อยลงมาเรื่อย ๆ ตามความสะดวก นั่นก็เพราะว่าในครั้งแรกจะต้องวัดขนาดสัดส่วนทุกส่วนให้พอดีกับชุด เมื่อเริ่มมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ชุดก็จะเริ่มกระชับเข้ารูปมากขึ้น การวัดขนาดก็จะน้อยลงนั่นเอง

ฟิตติ้งชุดแต่งงาน
ฟิตติ้งชุดแต่งงาน

3.เจ้าสาวจำเป็นที่จะต้องฟิตติ้งกี่ชุด 

ตามความเหมาะสมแล้วเจ้าสาวควรที่จะลอง ชุดแต่งงาน อย่างน้อยที่ประมาณ 3 ชุด เพื่อให้แน่ใจว่าชุดไหนที่เหมาะสมมากที่สุด และที่สำคัญทุกครั้งที่ฟิตติ้งชุดตั้งแต่ครั้งแรกจนกระทั่งรับชุดจะต้องมีช่างคอยดูแลตลอดเวลา ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในการฟิตติ้งชุดก็คือ ตัวเจ้าสาวเองจะต้องแจ้งช่างทุกครั้งว่าชุดที่ใส่นั้นหลวมหรือคับเกินไปหรือไม่ หากเป็นไปได้ควรให้ใส่แล้วรู้สึกสบายตัวจะดีที่สุด เพราะคุณจะต้องใส่ ชุดแต่งงาน ค่อนข้างนาน ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็ควรที่จะเผื่อเวลาในการฟิตติ้งชุดครั้งสุดท้ายให้เสร็จก่อนวันงานอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพราะช่วงเวลานั้นรูปร่างเจ้าสาวอาจมีการเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย

ฟิตติ้งชุดแต่งงาน
ฟิตติ้งชุดแต่งงาน

4.เมื่อไปฟิตติ้งชุดต้องเตรียมอะไรไปฟิตติ้งด้วย 

สิ่งที่เจ้าสาวจะต้องเตรียมไปด้วยในการฟิตติ้งชุดนั่นก็คือ รองเท้า และชุดชั้นในที่จะใส่ในวันงาน เพื่อที่จะได้ลองดูว่าชุดชั้นในที่จะใช้เหมาะกับชุดหรือไม่ และรองเท้าก็เพื่อจะได้ดูความเหมาะสมว่าพอดีกับชุดหรือไม่ หากไม่พอดีอย่างไรก็จะได้หาคู่ใหม่ที่เหมาะสม หรือในกรณีที่เจ้าสาวยังไม่มีรองเท้าที่จะใส่คู่กับชุดเจ้าสาว ก็สามารถที่จะใช้รองเท้าอื่นแทนได้ โดยการเลือกรองเท้าที่มีขนาดเท่ากันกับรองเท้าที่จะใช้ในวันงานแทน เพราะรองเท้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกำหนดชุดให้มีความสวยงามที่พอดีได้นั่นเอง

5.หากเจ้าสาวอ้วนหรือผอมลงก่อนวันแต่งงานจะทำอย่างไร

ไม่ว่าเจ้าสาวจะอ้วนขึ้นหรือผอมลงชุดจะต้องได้รับการแก้ไขให้มีความพอดีกับรูปร่างมากที่สุด เช่น ผอมลงก็ต้องปรับชุดให้เข้ารูป หรืออ้วนขึ้นก็ใช้วิธีเปิดตะเข็บได้ แต่หากเนื้อผ้าไม่เพียงพอก็อาจจะต้องมีการสั่งผ้าเพิ่ม ซึ่งในส่วนของการแก้ไขชุดนั้นจะต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าสาวจะต้องไม่ลืมเผื่อเวลาตามที่เราได้กล่าวไปข้างบนด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการแก้ไขชุดบ่อย ๆ

6.ในกรณีที่ซื้อชุดแต่งงานมาผิดไซส์กับรูปร่าง จะสามารถแก้ไขให้เข้ากับรูปร่างได้อย่างไร

หากคุณบังเอิญไปเจอชุดเจ้าสาวที่ลดราคาแล้วรู้สึกชอบเลยตัดสินใจซื้อมาโดยที่ไม่ได้ลองจากที่ร้านมาก่อน แต่มารู้ทีหลังว่าชุดไม่พอดีกับรูปร่างของคุณ แนะนำให้คุณซื้อชุดที่มีขนาดใหญ่มาแทนที่จะซื้อขนาดเล็ก เพราะการทำชุดขนาดใหญ่ให้มีขนาดเล็กลงนั้นง่ายกว่าการทำชุดเล็กให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และนอกจากนี้การปรับระดับตกแต่งบนชุดก็ง่ายกว่า และที่สำคัญการแก้ไขชุดที่ดีจะต้องไม่ทำให้สไตล์ชุดเปลี่ยนไปเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ชุดไม่สวยนั่นเอง

เทคนิคการเลือกชุดแต่งงาน
เทคนิคการเลือกชุดแต่งงาน

7.เทคนิคการเลือกชุดแต่งงานที่ดีคืออะไร

สิ่งแรกเลยคือชุดนั้นจะต้องนำเสนอตัวตนของเจ้าสาวได้ดีที่สุด และที่สำคัญจะต้องเลือกชุดให้เข้ากับสถานที่ให้มากที่สุด เพื่อให้ภาพรวมของงานออกมาดีและสมบูรณ์แบบนั่นเอง เพียงแค่นี้งานแต่งของคุณก็จะออกสวยงามเฟอร์เฟคเป็นอย่างมาก

ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่เจ้าสาวควรรู้ก่อนที่จะไปฟิตติ้ง ชุดแต่งงาน เพื่อที่จะได้สามารถวางแผนขั้นตอนการเตรียมงานอื่น ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด และเพื่อให้ได้ชุดที่สวยงามตามต้องการอีกด้วย

ชุดแต่งงาน ชุดไทย
ชุดแต่งงาน ชุดไทย

ดังนั้นแล้วสาว ๆ คนไหนที่มีแพลนจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้ ก็ควรวางแผนศึกษาหามูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เพื่อจะได้มีงานแต่งที่ดีที่สุดนั่นเอง ดังนั้นหากใครที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดีก็สามารถที่จะนำข้อมูลต่าง ๆ ดังกล่าวที่เรานำมาแนะนำไปใช้ได้เลย รับรองว่าคุณจะต้องไม่มานั่งเสียใจทีหลังอย่างแน่นอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น